การย้ายทีมของนักฟุตบอลเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้หลากหลายรูปแบบ เช่น การซื้อตัว, การยืมตัว, หรือการย้ายทีมแบบไม่มีค่าตัวเมื่อหมดสัญญากับสโมสรเดิม วันนี้เราจะพาคุณไปพบกับ 5 นักเตะฟรีเอเยนต์ ที่ย้ายทีมแบบฟรี ๆ ในรอบ 24 ปีที่ผ่านมา แต่กลับสร้างความคุ้มค่าอย่างมหาศาลให้กับต้นสังกัดใหม่ของพวกเขา จะเป็นใคร ใช่คนที่คุณชื่นชอบหรือไม่ติดตามกันได้ที่เว็บไซต์ zaimonline-ru.com ของเรา

5 นักเตะฟรีเอเยนต์ ที่ย้ายทีมมาฟรีแต่สร้างผลงานสุดปัง

ไม่ว่าจะเป็นทีมดังหรือทีมเล็ก การย้ายตัว หรือ ซื้อตัวนักเตะ เป็นหนึ่งสิ่งที่มักเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆครั้งในวงการฟุตบอลโดยวันนี้ทีมงาน  zaimonline-ru.com ได้รวบรวมข่าว บอลวันนี้ ที่น่าสนใจมาฝากนั้นก็คือ 5 การเซ็นสัญญาฟรีของ นักเตะฟรีเอเยต์ ที่ย้ายมาแบบไร้ค่าตัวแต่ว่ากลับสร้างผลงานสุดปังให้กับทีมจะเป็นใครบ้างนั้นมาดูกันเลย

อันดับที่5: เจมส์ มิลเนอร์: จากเรือใบสีฟ้าสู่หงส์แดง ปี 2015

เจมส์ มิลเนอร์ หลังจากคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัยและเอฟเอ คัพ 1 สมัยกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่เคยถูกมองว่าเป็นซูเปอร์สตาร์ของทีม แต่มิลเนอร์กลับเลือกที่จะเปลี่ยนแปลงในปี 2015 ด้วยการย้ายไปยังลิเวอร์พูลโดยไม่มีค่าตัวใดๆ ภายใต้การคุมทีมของเบรนแดน ร็อดเจอร์ส และต่อมาเขากลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่สำคัญและหลากหลายในยุคของเจอร์เก้น คล็อปป์ ช่วยแก้ปัญหาหลายอย่างให้กับทีม “หงส์แดง”

เจมส์ มิลเนอร์

ในระยะเวลา 8 ปีที่เขาอยู่กับลิเวอร์พูล มิลเนอร์ลงเล่นไป 332 เกม ทำได้ 26 ประตู และรับหน้าที่รองกัปตันทีมนำทีมคว้าแชมป์ที่สำคัญมากมายรวมถึงพรีเมียร์ลีก, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, และยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ แม้ว่าเขาจะย้ายไปไบรท์ตันในฤดูร้อนที่ผ่านมาและอยู่ในช่วงปลายอาชีพก็ตาม มิลเนอร์ยังคงไม่แสดงท่าทีว่าเขาจะแขวนสตั๊ดในเร็วๆ นี้

อันดับที่4: โซล แคมป์เบลล์: จากสเปอร์สสู่อาร์เซน่อล ปี 2001

โซล แคมป์เบลล์ เป็นนักเตะที่เติบโตมาจากทีมเยาวชนของท็อตแนม ฮอทสเปอร์ และค้าแข้งกับสโมสรนี้มานานถึง 9 ปี การตัดสินใจของเขาที่จะย้ายไปร่วมทีมคู่อริตลอดกาลอย่างอาร์เซน่อลในปี 2001 โดยไม่มีค่าตัวเป็นการตัดสินใจที่ก่อให้เกิดความโกรธแค้นและความรู้สึกถูกทรยศอย่างหนักจากแฟนบอลท็อตแนม ฮอทสเปอร์ เขากลายเป็นหนึ่งในตัวละครที่ถูกประณามมากที่สุดในวงการฟุตบอลอังกฤษจากการย้ายทีมครั้งนี้

โซล แคมป์เบลล์

แคมป์เบลล์เลือกที่จะย้ายไปอาร์เซน่อลด้วยเหตุผลที่ว่าเขาเชื่อว่าสโมสรนี้เหมาะสมกับเขามากที่สุดในการพัฒนาอาชีพ แม้ว่าเขาจะมีโอกาสทำเงินมากกว่าจากการย้ายไปเล่นในต่างประเทศก็ตาม และแม้จะต้องเผชิญกับการโจมตีอย่างหนักจากแฟนบอล แคมป์เบลล์ก็ประสบความสำเร็จอย่างมากในสีเสื้อของอาร์เซน่อล โดยลงเล่นไปรวมทุกรายการ 197 เกมในระยะเวลา 5 ฤดูกาล ช่วยให้ “เดอะ กันเนอร์ส” คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัย และเอฟเอ คัพ อีก 2 สมัย

อันดับ3: อันเดรีย ปิร์โล่: จากซาน ซิโร่สู่ยูเวนตุส ปี 2011

การย้ายทีมของอันเดรีย ปิร์โล่จากเอซี มิลานไปยูเวนตุสในปี 2011 เป็นหนึ่งในการย้ายทีมที่ได้รับการพูดถึงอย่างมากในวงการฟุตบอล โดยเฉพาะเมื่อจานลุยจิ บุฟฟอน นายทวารตำนานของยูเวนตุส เผยว่าการได้ปิร์โล่มาร่วมทีมนั้นเหมือนกับการได้พระเจ้ามาอยู่ด้วยจริงๆ ทั้งนี้ เพราะปิร์โล่ไม่เพียงแต่เป็นนักเตะที่มีฝีเท้าชั้นยอดเท่านั้น แต่ยังเป็นการย้ายทีมแบบไม่มีค่าตัวอีกด้วย ซึ่งถือเป็นการทำธุรกิจที่ยอดเยี่ยมสำหรับยูเวนตุส

อันเดรีย ปิร์โล่

ในขณะที่มิลานเชื่อว่าปิร์โล่วัย 32 ปีอาจจะเลยจุดสูงสุดของการเป็นนักฟุตบอลไปแล้ว ยูเวนตุสกลับเห็นโอกาสในการนำเขามาสู่ทีม หลังจากย้ายมา ปิร์โล่ไม่เพียงแต่เสริมความแข็งแกร่งให้กับทีมเท่านั้น แต่ยังเป็นหัวใจหลักในการควบคุมเกมจากแดนกลาง พร้อมพา “ม้าลาย” คว้าแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา ได้ถึง 4 ฤดูกาลติดต่อกัน การมีเขาอยู่ในทีมไม่เพียงแค่เพิ่มความมั่นใจให้กับทีมเท่านั้น แต่ยังเป็นการยืนยันถึงความเชื่อมั่นที่ยูเวนตุสมีต่อเขาและการตัดสินใจครั้งสำคัญที่เขาทำในการย้ายทีมนี้

อันดับที่2: โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้: จากเสือเหลืองสู่เสือใต้ ปี 2014

โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ไม่เพียงแต่เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ย้ายจากโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ไปบาเยิร์น มิวนิคเท่านั้น แต่ยังเป็นหนึ่งในการย้ายทีมที่ประสบความสำเร็จที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอล ด้วยการทำประตูได้อย่างมหาศาล การย้ายของเขาในปี 2014 เป็นการเคลื่อนไหวที่ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในกองหน้าระดับโลกที่น่าจับตามองทันที เขาแทบไม่ต้องใช้เวลาปรับตัวในการเล่นให้กับทีมใหม่ และได้แสดงฝีเท้าการยิงประตูที่ยอดเยี่ยมให้เห็นอย่างต่อเนื่อง

โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้

ตลอดระยะเวลา 8 ปีในอัลลิอันซ์ อารีน่า, เลวานดอฟสกี้ได้พาบาเยิร์น คว้าแชมป์บุนเดสลีกาถึง 8 สมัยติดต่อกัน นอกจากนี้ยังช่วยให้ทีมได้แชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก, ยูฟ่า ซุเปอร์ คัพ, และสโมสรโลก อย่างละหนึ่งสมัย ซึ่งถือเป็นสถิติที่สะท้อนให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของเขาในฐานะกองหน้าชั้นนำของโลก และการย้ายทีมครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับบาเยิร์น มิวนิคเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ที่จะถูกจดจำไปอีกนาน

อันดับที่1: ปอล ป็อกบา: จากการย้ายไร้ค่าตัวสู่การคืนสู่ยูเวนตุส ปี 2012

ปอล ป็อกบา ดาวยิงทีมชาติ ฝรั่งเศส ถือเป็นหนึ่งในการย้ายทีมไร้ค่าตัวที่ทำให้โลกฟุตบอลต้องตะลึง เมื่อเขาตัดสินใจอำลาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในยุคของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เพื่อเข้าร่วมทัพยูเวนตุสในปี 2012 การตัดสินใจนี้เปิดโอกาสให้ป็อกบาก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ชั้นนำของโลก ที่ยูเวนตุส เขาพัฒนาฝีเท้าอย่างรวดเร็วและกลายเป็นหนึ่งในกำลังหลักของทีม ช่วยให้ “ม้าลาย” คว้าแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา ถึงสี่สมัย และเขาได้ลงเล่นให้กับทีมทั้งหมด 178 เกม ซัดไป 34 ประตู

ปอล ป็อกบา

อย่างไรก็ตาม หลังจากการกลับมาของเขาที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 2016 ด้วยค่าตัวที่สูงถึง 89 ล้านปอนด์ ป็อกบาไม่สามารถทำผลงานได้ตามความคาดหมาย และในที่สุดเขาก็หวนกลับไปยังยูเวนตุสอีกครั้งในปี 2022 แต่คราวนี้เขาต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่ เนื่องจากมีปัญหาด้านอาการบาดเจ็บและถูกแบน 4 ปีจากการใช้สารกระตุ้น ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่ออาชีพการเล่นของเขา ทำให้การกลับมาของเขาครั้งนี้อาจหมายถึงการปิดฉากอาชีพนักฟุตบอลของเขาอย่างไม่เป็นที่น่าประทับใจ

ทั้งหมดนี้ก็คือ 5 นักเตะฟรีเอเยนต์ ที่ย้ายทีมแบบไร้ค่าตัวแต่ทว่ากลับสร้างชื่อเสียงให้กับทีมใหม่พร้อมพาทีมประสบความสำเร็จที่เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในดวงใจของทีมใหม่และเป็นตำนานที่ยังคงอยู่ในใจแฟนบอลไปอีกนาน แล้วโอกาสหน้าเรามาอัพเดทข่าวบอลใหม่ให้ทุกท่านได้ติดตามกันต่อไป และหากว่าท่านไหนอยาก ดูบอลฟรี หรือรับชม ไฮไลท์บอล แล้วละก็เรามีเว็บดีๆมากฝากนั้นก็คือ ดูบอลดูหนัง.com อย่าลืมกดติดตามไว้เพราะที่นี้มีเข้าชมฟรีไม่ต้องเงินซักบาทเดียว